เป้าหมายของการสอนสุขศึกษา
การสอนสุขศึกษาจะบรรลุเป้าหมายมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักเรียนหลังจากเรียนรู้วิชาสุขศึกษาแล้ว
พฤติกรรมที่ควรเปลี่ยนแปลง มี 3 ด้าน คือ ด้านความรู้ เจตคติ
และการปฏิบัติ
1.
ความรู้ ( Knowledge ) สุขศึกษาก็มีลักษณะคล้ายกับวิชาเรียนอื่นๆ
คือ เรียนแล้วต้องให้เกิดความรู้ ความรู้ทางสุขศึกษา เช่น
การรู้จักรักษาทำความสะอาดส่วนต่างๆของร่างกาย การปฐมพยาบาลเมื่อได้รับอุบัติเหตุ
การป้องกันมิให้เกิดอุบัติเหตุ การป้องกันอันตรายจากโรคติดต่อ ฯลฯ
นักเรียนที่มีความรู้ทางสุขศึกษา มีโอกาสที่จะเป็นบุคคลที่มีสุขภาพดีและแข็งแรงสมบูรณ์กว่าบุคคลที่ขาดความรู้
เพราะบุคคลเหล่านั้นจะขาดการเอาใจใส่ดูแลสุขภาพของตนเอง
ทั้งยังไม่มีความรู้ที่จะส่งเสริมมุขภาพของตนอีกด้วย
การสอนให้นักเรียนเกิดความรู้
ครูควรใช้กิจกรรมในการสอนหลายๆอย่างประกอบกัน เพื่อให้เด็กมีส่วนร่วมในบทเรียน
และช่วยให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาวิชาการต่างๆ
ของวิชาสุขศึกษาเพิ่มมากขึ้นจากเดิม
2.
เจตคติ ( Attitude ) การให้ความรู้ทางสุขศึกษาแก่เด็ก
ครูหรือผู้ปกครองต้องพยายามให้เด็กมองเห็นคุณค่าและประโยชน์ของวิชาสุขศึกษา
เกิดความทราบซึ้ง อยากกระทำในสิ่งที่ตัวเองรู้
ในขณะเดียวกันก็พยายามชักจูงและแนะนำให้บุคคลอื่นได้กระทำในสิ่งที่ถูกสุขอนามัย
การเสริมสร้างให้นักเรียนเกิดเจตคติเป็นสิ่งที่ยากมาก
เพราะนักเรียนบางคนถูกปลูกฝังเจตคติทางสุขภาพมาจากครอบครัวก่อนแล้ว
หากความรู้ใหม่ที่ได้รับสอดคล้องกับความรู้เดิมที่ตัวเองมีอยู่
นักเรียนก็จะเกิดเจตคติที่ดีต่อสุขศึกษาได้ง่าย แต่ถ้าขัดแย้งกัน
นักเรียนมักจะมีแนวโน้มเชื่อและปฏิบัติตามความรู้เดิมมากกว่า ฉะนั้น
การสอนสุขศึกษาครูจะต้องพยายามทำให้นักเรียนเกิดการรู้แจ้งเห็นจริง ( Insight
) ในสิ่งที่เรียนให้ได้
เพราะการรู้แจ้งเห็นจริงจะมีส่วนทำให้นักเรียนเกิดเจตคติที่ดีได้ง่าย
3.
การปฏิบัติ ( Practice ) การกระทำหรือการปฏิบัติจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อนักเรียนเกิดเจตคติที่ดีต่อสุขภาพเสียก่อน
โดยเฉพาะนักเรียนที่ค่อนข้างโตแล้ว เพราะนักเรียนที่โตแล้วมักจะกระทำสิ่งใดตามความคิดและความเชื่อของตนเอง
มากกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำแนะนำของบุคคลอื่น การที่นักเรียนปฏิบัติตัวได้ถูกต้องตามหลักสุขอนามัย
ถือเป็นหัวใจสำคัญยิ่งของการสอนสุขศึกษา
หากนักเรียนปฏิบัติถูกต้องแลปฏิบัติจนเป็นนิสัยด้วยก็จัดว่า
การสอนสุขศึกษาบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
เพราะบุคคลส่วนใหญ่จะปฏิบัติในสิ่งใดโดยปราศจากความรู้และเจตคติที่ดีต่อสิ่งนั้นๆย่อมไม่ได้
สรุปแล้วเป้าหมายของการสอนสุขศึกษา คือ
การสอนให้นักเรียนเกิดความรู้ ( Knowledge ) เจตคติ ( Attitude ) และการปฏิบัติ ( Practice ) ที่ดีทางสุขภาพ หรือการสอนสุขศึกษาทำให้เกิด
KAP แต่การสอนสุขศึกษาที่ทำให้นักเรียนเกิด KAP นี้ ครูต้องสอนและเน้นให้แตกต่างกันตามระดับชั้นและวัยของนักเรียน
ชั้น
|
อันดับ
1
|
อันดับ
2
|
อันดับ
3
|
อนุบาลและประถมศึกษาช่วงแรก
|
การปฏิบัติ
|
เจตคติ
|
ความรู้
|
ประถมศึกษาช่วงหลัง
( ป. 5-6
)
|
เจตคติ
|
การปฏิบัติ
|
ความรู้
|
มัธยมศึกษาช่วงแรก
(ม.1-3
)
|
เจตคติ
|
การปฏิบัติ
|
ความรู้
|
มัธยมศึกษาช่วงหลัง
(
ม.4-6 )
|
ความรู้
|
เจตคติ
|
การปฏิบัติ
|
อุดมศึกษา
|
ความรู้
|
เจตคติ
|
การปฏิบัติ
|
นักเรียนชั้นอนุบาลและนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-4
ควรเน้นการปฏิบัติเป็นอันดับแรก เนื่องจากเด็กวัยนี้มีประสบการณ์ไม่ค่อยกว้างขวาง
ประกอบกับเด็กไม่ชอบการอยู่นิ่งๆ ต้องเปลี่ยนอิริยาบถตลอดเวลา
และช่วงความสนใจก็สั้นมาก เด็กจึงต้องเปลี่ยนกิจกรรมอยู่บ่อยๆ พอเด็กอายุประมาณ 10 ปี ขึ้นไป การสอนจึงเปลี่ยนมาเน้นด้านเจตคติเป็นอันดับแรก
ทั้งนี้เพราะเด็กวัยนี้เป็นวัยที่ต้องเตรียมเข้าสู่วัยรุ่น
เด็กเริ่มเป็นตัวของตัวเอง รู้จักคิด และตัดสินใจเองได้
และเด็กวัยนี้ต้องการอิสรภาพในทางความคิดมากกว่าที่จะปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำแนะนำ
การที่เด็กจะปฏิบัติในสิ่งใดก็ต่อเมื่อตัวเองเชื่อและศรัทธาในสิ่งนั้นๆเสียก่อน
นักเรียนชั้นมัธยมช่วงหลังและนักศึกษา
ครูต้องเน้นความรู้เป็นอันดับแรก
เพราะนักเรียนระดับนี้มีความคิดและประสบการณ์กว้างขึ้น
การที่เขาจะปฏิบัติในสิ่งใดก็ต่อเมื่อตัวเองได้คิดอย่างมีเหตุผล
ศึกษาข้อเท็จจริงจนเกิดความรู้และเชื่อว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์จริง
ในขณะเดียวกันครูต้องกระตุ้นให้นักเรียนรู้จักค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น